ผ่านไปสัก ชม. ลุงยอดก็ยังล่อกแล่กฮัมเพลงไปเรื่อยเปื่อยไม่มองไปข้างทางอีกเลยผ่านทางโค้ง รถเลี้ยวไปเจอ วัดทุ่ง xx ทางขวามือ LYNBET ลุงยอดก็บอกว่าถึงตรงนี้ อีกสักครึ่ง ชม. ก็ออกถนนใหญ่แล้ว แม่ก็โล่งอกผ่านวัดไปเป็นไร่อ้อยทั้ง 2 ข้างทาง ยาวเหยียด ต้นอ้อยสูงยิ้มวทัศน์ด้านข้างจนหมด ถนนก็เลี้ยวไปมา ไม่มีบ้านคน ไม่เห็นแสงไฟเลยแล้วจู่ๆ ก็มีเสียงดัง ปึง! ดังจากข้างรถ เหมือนมีใครเอาอะไรมาปาใส่รถ ทั้ง 3 คนที่นั่งด้านหลังก็มองหน้ากันนิ่งผ่านไปสักพักก็มีเสียงดังปึงมาจากอีกข้าง ลุงยักษ์ก็เลยชะโงกหน้ามาถามว่าเล่นอะไรกัน? ลุงยอดก็บอกเปล่า ไม่ได้ทำอะไรเลยลุงยักษ์ก็หันไปขับรถต่อ แต่แม่เห็นลุงยอดนั่งแทะเล็บแล้ว ส่วนหมอยาก็ดูกระสับกระส่าย
LYNBET ขับไปมาตามทางได้สักพัก เจอทางโค้ง 2-3 โค้ง รถก็เลี้ยว แล้วทุกคนในรถก็นิ่งกันหมด ไม่เว้นแม้แต่ลุงยักษ์ที่ทำหน้าเลิ่กลักเพราะทางขวามือ เป็นวัดทุ่ง xxลุงยอดเห็นก็ชะโงกไปคุยกับลุงยักษ์ว่า หลงทางรึไง ขับวนมาที่เดิมเนี่ย ลุงยักษ์ก็บอกว่า“ไม่รู้ว่ะ แต่มันจะหลงได้ไงวะ ไม่มีทางแยกเลยนะ ตรงอย่างเดียว ปกติเข้าเมืองก็ขับเส้นนี้ตลอด?”แล้วลุงยักษ์ก็ชะลอรถ แต่แม่เห็นลุงพุฒิโบกมือไม่ให้หยุดรถ
ลุงยักษ์คุยกับลุงพุฒิครู่นึง ลุงยักษ์ก็ตะโกนมาด้านหลังว่า
“เห้ย ลุงพุฒิบอกว่า ถ้าเห็นหรือได้ยินเสียงอะไรอย่าทักกันนะ” ลุงยอดก็เลยพูดสวนกลับไปว่า
“ก็เมื่อกี้ยิ้มนั่นแหละทัก” (ลุงสามคนก็อายุไม่ต่างกันมาก)
และก็น่าแปลก รถขับฝ่าเข้าดงอ้อยเหมือนเดิม เส้นทางเดิม แต่วิ่งไปได้สักพัก ก็วิ่งมาตัดถนนใหญ่ ท่ามกลางความโล่งใจปนสงสัย
แม้จะเป็นถนนใหญ่ แต่เวลาทุ่มกว่าสองทุ่ม ก็เงียบไม่ต่างกัน แต่ดีตรงที่ยังพอมีไฟจากข้างทาง ทำให้บรรยากาศไม่อึมครึมมาก
พอขึ้นถนนใหญ่ได้ ลุงยักษ์ก็จัดเต็ม เหยียบด้วยความเร็ว แต่แม่ก็เห็นลุงพุฒิเหมือนบอกให้อย่าเร็วมาก
รถขับไปได้อีกพัก เป็นช่วงถนนที่ไม่มีแสงไฟ ถนนด้านหน้าก็มืดไปหมด ลุงยักษ์ขับรถตรงไป อยู่ๆก็มีไฟสูงเปิดใส่หน้ารถอย่างกระชั้นชิด ลุงยักษ์หักหลบหวุดหวิด แล้วก็ได้ยินเสียงด่าตามหลังไปว่า แม่มขับรถภาษาอะไรวะไม่เปิดไฟ แต่หมอยากลับบอกว่า อีนี่มันเล่นไม่เลิก
ถึงจบกระทู้นี้ไปไม่ได้อะไร แต่ได้เพิ่มทักษะการพิมพ์จาก 1 นาที 5 คำ เป็น 1 นาที 6 คำก็ยังดี ยิ้ม
ประมาณ 2 ทุ่มเศษๆ ก็มาถึงจุดหมาย เป็นโรงพยาบาลประจำจังหวัด ที่ถือว่าดีที่สุดเมื่อ 30-40 ปีก่อน
ชื่อโรงพยาบาลตั้งตามชื่อคนใหญ่คนโตก่อนที่แม่จะเกิดเสียอีก
มีบุรุษพยาบาลมารับตัวน้าแย้ม ก็แปลกที่สามารถอุ้มขึ้นรถเข็นได้ง่ายๆ จนลุงยักษ์กับลุงยอดมองหน้ากันแบบงงๆ
ลุงยักษ์หยิบบุหรี่มายืนสูบแก้เครียด คงคิดว่าเจอเรื่องแปลกมาเยอะจนไม่อยากจะตกใจแล้ว
แล้วทุกคนก็เดินตามกันเข้าไปในตัวอาคาร หมอยากับลุงพุฒิเดินอยู่หลังสุด แม่ได้ยินคุยกันประมาณว่า โชคดีนะ ที่มาทันเวลา
แต่ลุงพุฒิยิ้มๆ ไม่ตอบอะไร
หลังจากผ่านขั้นตอนการตรวจเบื้องต้น น้าแย้มก็ถูกแยกไปตรวจร่างกายต่อ ราว 3 ทุ่มกว่าก็ย้ายมารวมกันที่ห้องผู้ป่วย
อาการน้าแย้มดูแปลกจนพยาบาลก็งงๆ เพราะดูไม่เหมือนคนป่วย มีแค่บางครั้งที่บ่นเบาๆว่าเจ็บท้อง ยายก็คอยปลอบว่า ไม่เป็นอะไรแล้ว
หมอตรวจแล้ว พรุ่งนี้ มะรืนนี้ก็กลับบ้านได้แล้ว ระหว่างที่พยาบาลตรวจและสอบถามอาการ
ลุงพุฒิซึ่งยืนอยู่ข้างๆเตียงก็บอกว่าเดี๋ยวจะลงไปไหว้ศาลพระภูมิด้านล่างสักหน่อย
พอลุงพุฒิออกไป ลุงยักษ์ก็เดินออกไปบ้าง บอกว่าจะไปสุบบุหรี่ข้างนอกสักม้วน ถ้าหมอมาให้รีบไปตาม ลุงยอดกับหมอยาจึงตามออกไปด้วย เหลือแม่ ยาย พยาบาลและน้าแย้มซึ่งนอนอยู่
ผ่านไปชั่วครู่พยาบาลก็เดินออกไปจากห้อง สวนกับลุงยอดที่เดินเข้ามา ลุงยอดถามยายว่า พยาบาลว่าไงบ้าง ยายก็เล่าว่า
พยาบาลก็ถามนู่น นี่ นั่น ก็ยังไม่สรุปว่าแย้มเป็นอะไร แต่คิดว่าเป็นไส้ติ่งอักเสบรึเปล่า แล้วลุงยอดก็หันมาบอกแม่ว่า
“เออ พี่ยักษ์เรียก ยืนรออยู่ตรงระเบียงด้านนอก” แม่ก็เดินออกไป ทิ้งให้ลุงยอดอยู่เป็นเพื่อนแม่
แม่เดินเปิดประตูมาตรงระเบียง ลมพัดเย็นมาก เห็นลุงยักษ์ยืนม้วนใบจาก (สงสัยบุหรี่หมด) ส่วนหมอยาก็กำลังสูบยาเส้นอยู่ข้างๆ
ลุงยักษ์จุดไฟที่ใบยา สูดเข้าหนึ่งครั้งแล้วพ่นควันออกมา แล้วถามแม่ว่า
“เล่าให้ฟังหน่อยสิ วันนั้นไปเจออะไรกันมา เอาให้ละเอียดนะ”